Fiverr รับจ้างอะไรก็ได้ 5 $ !!

วันนี้ SAM (ขอย่อ ชื่อเว็บ See a Mountain นะครับ) มีสกู๊ปงานออนไลน์ตัวนึงที่น่าสนใจ มา แชร์ให้เพื่อนๆ ลองดูนะครับ :D

Fiverr ก่อตั้งโดยนาย Micha Kaufman และ นาย Shai Wininger ในปี 2009 ด้วยความต้องการให้ ผู้ใช้งานเว็บไซต์ สามารถ ซื้อ ขาย (ทั้งสินค้าและบริการ) ในราคาย่อมเยา สุดถูกมว๊าก มีทั้ง เขียนโปรแกรม กราฟิคดีไซต์ เขียนบทความ จนไปถึง ร้องเพลง สอนหนังสือ เต้น หรืออะไรแปลกๆ เช่น จ้างบอกรัก จ้าง ทำตัวตลก จ้าง เม้นหวานๆในเฟสบุ๊ค โดยสงวน ราคา พื้นฐานอยู่ที่ 5$ ต่องาน ซึ่ง ทางเว็บ จะเรียกว่า Gig 


หน้าตาเว็บ fiverr ใหม่ ที่สวยสดใส ตามเทรน Flat design

ซึ่งเราเข้ามาหน้าแรก เราจะเห็น Gig แนะนำ ไม่ว่าจะเป็นด้าน จ้างร้องเพลง ยัน วาดรูปเป็นต้น 


รูป Gig ต่างๆ มีทั้ง การสอนทำธุรกิจ ยัน ฟิสเนส Photoshop ก็มี วาดรูปก็มีครับ


กิ๊ก เขาจะให้ ระบบการออกกำลังกายและการทานอาหาร สำหรับหุ่นล้ำบึกแบบนี้ ขั้นต่ำเพียง 5$


แต่เดี๋ยวก่อน เขามีฟังชั่นเสริม ที่สามารถเพิ่มตามความพอใจในค่าบริการที่มากขึ้นด้วย

โดยสรุปผมมองว่า Fiverr อาจจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับ คนที่อยากหา งานอดิเรกที่ได้เงินทำ โดยส่วน

ตัวคิดว่า หากจะ ขายบริการ(Gig)ผ่านเว็บนี้ หละก็ มีกฏกติกาคือ

ต้องโคงานผ่านเว็บเท่านั้น ไม่มีหลังไมด์กับลูกค้า

ดังนั้น หากให้แนะนำ ควร สร้า งGig ที่ไม่ กินแรงหรือทำให้ลำบากเกินความสามารถมากจนเกินไปครับ เพราะ เห็นว่า บางรายได้ ออร์เดอร์ มากกว่า 1 พัน ออร์เดอร์เลยครับ 









Crowd sourcing !! หารายได้ จากการ ชิงความเป็นหนึ่งด้วยงาน contest

Crowd sourcing แปลว่า มวลชน หมายถึง การระดมไอเดียของมวลชน


สวัสดีครับ หลังจากหายไปนาน ฮา (ผมนี้ชอบเผลอดองบล๊อกจริงๆ) ก็ขอกลับมาเขียนในหัวข้อนี้ครับ สำหรับนักกราฟฟิคดีไซต์ เว็บดีไซต์ โลโก้ จนไปถึงนักเขียนบทความทั้งหลาย คนชอบกันไม่มาก ก็น้อยคร้าบ

มีอยู่ช่วงนึง แอทมิน ว่างๆงาน เลย ลองหางานดูใน อินเตอร์เน็ต ไปเจอ คำว่า crowd sourcing เข้า เลยสนใจ ดู ปรากฏว่า มันคือ การ จ้างงานแบบ ประกวด นั้นเอง !! สำหรับนักกราฟฟิคดีไซต์ หรือ artist ต้องเคยลอง แข่งงานประกวดที่นั้น ที่นี้ อยู่ งานสองงานเป็นอย่างต่ำๆ ใช่มั้ยครับ แนวงาน ของ crowd sourcing คือ มีลูกค้าเข้ามา บอก บริฟงาน (ความต้องการ) พร้อมราคา หากมี ดีไซต์เนอร์ คนไหนสนใจ กับ บริฟ คิดว่า มัน Win Win ก็ ลุยเลย !! สามารถ ส่งงานไป ไฟว์ (ประกวด) กับ ดีไซต์เนอร์ทั่วโลกได้

ซึ่งงานที่มีใน สาระบบ  Crowd Sourcing มีดั่งต่อไปนี้

- Graphic design (Logo poster brochure infographic vector  )
- Painting (พวกงานวาดภาพประกอบ ปกหนังสือ การ์ด)
- Cartoonist (งานวาดการ์ตูน)
-Web Design
-Writer (เขียนบทความ คำโฆษณา คิดชื่อ แบรน ความหมาย สโลแกน ต่างๆ )

ตัวอย่างของเว็บเอเจนซี่ Crowd Sourcing www.crowdspring.com

แต่บางคนคิดว่า เห้ย มาจาก ทั่วโลก เลย เราจะสู้ เขาได้รึ !! เปล่าหรอก คือ คุณสามารถ ส่งกี่งานก็ได้ กี่แบบก็ได้ เพียงแค่คุณมั่นใจ อาจจะ เริ่มจาก โปรเจคงานเล็กๆ ที่เงินไม่ได้เยอะมากซัก 100 เหรียญ ก่อน ซึ่ง ฝรั่งไม่ค่อยสนใจ โปรเจคพวกนี้ ซักเท่าไร

ตัวอย่าง List งาน ที่มีเยอะมาก


อ้าว งั้นเราก็ ก๊อบงานคนอืน ส่งได้ซิ !!

หากทำแบบนั้นคุณคิดผิดถนัดเลย เพราะว่า ทุกแบบหลังจากได้รับเลือกแล้วคัดเพียงหนึ่ง ลิกขสิทธิ์ของงานผู้ชนะ จะเป็นของลูกค้าทุกประการ และ หาก เป็นงานผิดลิกขสิทธิ์ แล้วเขานำไปใช้งาน นอกจาก คุณจะถูก ปิด Account ของเว็บนั้นๆแล้ว คุณยังโดนฟ้องตามกฏหมายลิกขสิทธิ์อีกด้วยครับ

ตัวอย่าง Brift งานของเว็บไซต์ Crowdspring

ข้อดีของ งาน crowd sourcing  (สำหรับ Designer)

1.บริฟงานชัดเจน แฟร์ และไม่แก้แบบ เบี้ยหัวแตก เท่าไร เท่านั้น

2.มีงานให้เลือกหลากหลายมาก พูดตรงๆ มากกว่า 2 หมืนงาน ที่คุณจะเข้าไปไฟว์

3.พัฒนาฝึมือ อย่างมาก เพราะ ยิ่งแข่งขัน ก็ยิ่งเก่ง

4.เป็นการ กระโจนเข้าไปหาโอกาศ ปกติ ดีไซต์เนอร์จะหางาน เหมือนกับ ปล่อยเหยือ ล่อปลา คือ มีพอร์ต แล้ว รอลูกค้าเข้ามา แต่ crowd นั้น คุณสามารถเลือก นายจ้างได้ เลือกเวลาทำงานเองได้

ข้อดีของ งาน Crowd sourcing สำหรับ ผู้ว่าจ้าง

1.สามารถเลือกราคาที่ตัวเองจ่ายไหว ในงานที่เหมาะสมหรือมากกว่า ค่าจ้าง

2.มีงานมากมายให้คุณเลือก และ สามารถ ส่งแก้ได้ตามที่พอใจ

3.ไม่มีปัญหาเรื่อง ดีไซต์เนอร์ หนี เบี้ยว เพราะมี เอเจนซี่เป็นตัวกลาง

ข้อเสียของงาน Crowd sourcing คือ

1.การต่อสู้สูงมาก อาจจะรู้สึกไม่แฟร์ สำหรับบางคนที่ ทำงานไปฟรีๆ เพราะหากแพ้แล้วก็ไม่ได้อะไรเลย (แต่งานก็ยังเป็นของเราอยู่ และ ก่อนเข้าไปรับงานก็เตรียมใจ แพ้และไม่ได้อะไรเพราะเรา รับข้อเสนอเอง)

2.คุณต้อง รอ ให้เขาคัดเลือกซึ่งบางงานอาจจะ ใช้เวลาถึง ครึ่งเดือน กว่าจะรู้ผล ซึ่งน้อยมากจะเป็นเคสนั้น (แต่บางงาน ก็ 1-2 วันก็รู้ผลแล้ว)

3.เสี่ยงถูกเบี้ยว ค่าจ้าง นั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด เพียงแต่ เอเจนซี่ จะตาม ลูกค้ารายนี้ แล้ว เอาเงินมาจ่ายคุณแน่นอน อาจจะช้าไปซักหน่อย แต่ปกติแล้ว ไม่ค่อยมีเคสนี้เท่าไร

มี นักกราฟฟิคดีไซต์ ออกมาต่อต้านงาน Crowd เหมือนกัน ด้วยความคิดที่ ว่า Don't work for free เนื้องจาก การที่ ทำงาน คัดแค่ 1 แล้วที่ เหลือ แห้วนั้น ดูไม่แฟร์ แต่คิดว่า เพื่อนๆที่ ลองลุยงานนี้ดู คงเข้าใจ ธรรมเนียม และ ยอมรับพร้อมเตรียมใจอยู่ก่อนแล้วนะครับ :D

ด้านล่างๆเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ งาน Crowd Sourcing ที่แนะนำครับ

http://www.designcrowd.com/

http://99designs.com/

http://www.crowdspring.com/

http://www.mycroburst.com

http://www.48hourslogo.com/

http://www.cadcrowd.com/ (นี้สำหรับ ปั้น 3D กับ AutoCAD )

http://www.choosa.net/en/

http://www.hatchwise.com/

http://www.designcontest.com/

สำหรับคน เป็น นักล่า เงินรางวัล คงชอบไม่มาก ก็น้อย คร้าบ






รู้ เทรนยอดฮิต ติดยอดคนนิยม ด้วย Google Trends



สวัสดีครับ ขออภัยจริงๆที่หายไปนาน (แฮ่) คงไม่ว่ากันนะครับ วันนี้ผมมีวิธีการ ดีๆมาแนะนำ หากคุณต้องการ ทราบว่า เฮ้ย เราจะลงทุนซักอย่าง จะลงเงินลงทุนอย่างไรดีให้มั่นใจสุดๆ คนในเน็ตจะค้นหาอะไร สินค้าอะไรที่คนสนใจ เราจะมาดูกันครับ

วันนี้ผมจะแนะนำ เจ้าตัวนี้  เเอ๊น แอ่น !! มันคือ Google trends ที่ผมจะใช้เป็นเครื่องมือค้นหาแนวโน้ม คำค้นที่ ชาวโลกออนไลน์สนใจมากๆ เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือตัดสินใจ ครับ


สำหรับเว็บ google trends สามารถเข้าไปใช้บริการให้

>> Google Trends ดูเป็นเห็นทางรวย <<



พอเราเข้ามาในเว็บไซต์แล้ว เราจะเห็นช่องบน ที่สามารถ พิมพ์ได้ นั้นเป็นช่องพิมพ์ keyword โดยการ ใส่ , (ลูกน้ำ) ยกตัวอย่างเช่น Keyword 1 , Keyword 2 ,Keyword 3 ใส่ได้ถึง 5 Keyword เพื่อเปรียบเทียบเลยครับ

Search แบบนี้อย่างที่เห็นครับ


เราจะเห็นกราฟ ที่เปรียบเทียบกัน และ แผนที่ระหว่างประเทศที่เซริส Keyword ที่เราสนใจ พร้อมบอกว่ามีคำค้นตัวไหนได้บ้าง

พอเรากดเข้าไปใน Keyword นั้นๆ เราจะเห็น Keyword ย่อยๆ อีกมากมาย และเราสามารถ ดูประเทศเป็น List ได้อีกด้วย ว่าประเทศไหน Search คำที่เราสนใจบ้าง

ตอนนี้ เรามา เจาะลึกประเทศไทยสำหรับผู้ที่สนใจจะ ขายของออนไลน์ในตลาด อินเตอร์เน็ตไทย

 ภาพข้างบนเรา มองไปทางซ้ายมือ ล่าง

1.เลือกประเทศ


2.เลือกช่วงเวลา ที่มีคนค้นหา นับจากวันนี้ ย้อนไป 7 วัน 30 วัน 90 วัน ซึ่ง ณ ที่นี้เราจะเลือก 30 วันกัน


เราจะลอง หาคำว่า กระเป๋า กันนะครับ สำหรับแม่ค้าอยากขายกระเป๋า (หนึ่งในอาชีพขายยอดฮิตของคนไทยบนเน็ตเลย)
 เราจะเห็น ด้านล่าง ขวา จะมี คำค้นขึ้นมาหลากหลายมาก ครับ สนใจคำไหนลองคลิ๊กเข้าไปดูรายระเอียดเพิ่มเติมกัน


ผมลองกดคำว่า "กระเป๋าสตางค์" ซึ่ง มียอดค้นหาสูงมาก และที่น่าสนใจคือกระเป๋าสตางค์ผู้ชายครับ
 ผมมั่นใจ มาก หากเอากระเป๋าสตางค์ผู้ชายมาขาย รับรอง น่าจะมียอดค้นหา ได้เห็น ได้ผ่านตา แน่นอน ส่วนจะซื้อหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่คุณภาพ สินค้าและบริการแล้วหละคร้าบ

ทั้งหมดของวันนี้ก็มีเท่านี้ครับ อย่างไรก็ดี เจาะการตลาดให้มั่นใจ เสียก่อนจะ ลงทุนนะครับ ด้วยเครื่องมือนี้ เพื่อนๆ สามารถไปประยุกต์ใช้ได้อีกมากมาย ขอให้ร่ำรวยทุกคนนะครับ 



.
.
.
.

 

ว่าแต่คนไทยค้นหา ข่าว เจนนี่เยอะจังเลยแหะ 55555+







หาทำเลง่ายๆ ด้วย Google Keyword Tool




มีคำภาษิตฝรั่งสำหรับ ผู้ประกอบกิจการ ว่า Location Location Location

หมายถึง หากทำเลดี อะไรก็ดี จะขาย ขายอะไรก็ได้ นั้นหมายถึง ทำเลที่อยู่ไกล้และสะดวกที่กลุ่มเป้าหมายจะ เดินทาง มาเพื่อควักกระเป๋าเขาเพื่อซื้อสินค้าจากเรา

ในงานออนไลน์ก็เช่นกัน ในเมื่อ อินเตอร์เน็ต เข้าถึงแทบจะทุกบ้าน อะไรคือทำเลทอง ในอินเตอร์เน็ตหละ ? คำตอบคือ

Keyword (คีเวริด)

ใช่ Keyword หรือ คำค้นหาเป็นทำเลทองสำหรับอินเตอร์เน็ต เพราะ รูปแบบของการประชาสัมพันธ์ บนโลกออนไลน์คือ การที่ ลูกค้า เดินมาหาเรา ไม่ใช่ เราไปหาเขา นะครับ




ดังนั้น ลูกค้า จะทำการ Search ใน Search Engine เช่น Google Yahoo !! Bring เป็นต้น เพื่อหาสิ่งที่เขาต้องการ นั้นแหละ คือ เส้นทางของการทำมาหากินเราหละ

ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องเตรียมเป็นการบ้านเลยคือ

Focus Keyword 

มันคือ คีเวริด หลักที่เราหวังว่า คนจะเข้ามาทางนี้ อย่างแรก ต้องสัมพันธ์กับตัวสินค้าหรือบริการของเราเสียก่อน ในสมัยก่อนมีพวก สายมืดเล่นวิชามารใช้วิธีการหว่านล้อม Keyword ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าเลย สุดท้าย "ถูกแบนไปไม่เหลือซาก" ดังนั้น เรื่องนี้จึงสำคัญมากครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ เลย

"ขายกระเป๋า ถือผู้หญิง นำเข้า จาก ฮ่องกง"




เครื่องมือทำมาหากินที่เราจะใช้ คือ Google Keyword Tool นั้นเอง (เซริสคำนี้เลยครับ)



ก่อนใช้ก็ Login ก่อนนะครับ (สมัคร ด้วย Gmail)












การตั้งค่าง่ายๆ


เสร็จแล้วคลิ๊กปุ่มน้ำเงิน "รับแนวคิด" เลยครับ


เราจะเห็น สี่แถว (ดูเรียงจาก ซ้ายไปขวา)

แถวแรก คือ กลุ่มคำคีเวริด สามารถกดเข้าไปดู คำย่อยในกลุ่มคำได้

แถวสอง คือ คำค้นหา ที่เราจะเอาไปใส่ในหน้าสินค้า ของเราสามารถโปรโมต

แถวสาม คือ ตัวเลขการค้นหาโดยเฉลี่ย รายเดือน (คือมีคนพิมพ์ คำๆนี้ ในแต่ละเดือนกี่ครั้งนั้นเอง)

แถวสี่ คือ การแข่งขัน ไล่จาก สูง ปานกลาง และ ต่ำ หมายถึง มีผู้โปรโมตสินค้าด้วยคีเวริด นี้ มากแค่ไหน ซึ้งหากให้แนะนำ เลือกที่มีการแข่งขันต่ำๆไว้ ดีกว่า เพื่อ เราสามารถง่ายต่อการเข้าถึงลูกค้า

แถว 5-6 ไว้สำหรับ ผู้โปรโมต ด้วย Google Adword ซึ่งเป็นบริการของ ทาง google ในการขึ้นโฆษณาของคุณ ให้ลูกค้าเป็นแบบสุ่ม มีบริการเป็นรายเดือน ในที่นี้ เราขอ ละ ไว้ให้เข้าใจแค่ แถว 1-4 ก็พอ ครับ

เท่านี้เราก็สามารถ หาคำค้น ที่เกี่ยวข้องกับ สินค้าของเรา เพื่อใช้ในการเป็น "ทำเลทอง" ในการกอบโกยเงินในอินเตอร์เน็ต สามารถ ประยุกต์ได้หลายอย่าง หรือ จะหาสินค้าเพื่อขายก็ได้ครับ

ในโพสครั้งต่อไป ผมจะมาแนะนำ Google Trend เพื่อค้นหา ความป๊อบ ความนิยม ของสินค้าหรือบริการ กันนะครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

จงเป็นปลาใหญ่ ในบ่อเล็ก !! และจงเลือกบ่อที่ชอบ ไม่ใช่เพราะมันมีปลาให้กินเยอะ แต่ เพราะมันอยู่แล้วสบายใจ




สำหรับคนที่สนใจจะสร้างร้านเล็กๆ กับ ธุรกิจเล็กๆ บนโลกออนไลน์ ผู้ที่เลือกมาทำงานสาย E-Commerce ไม่ว่าจะเป็นอาชีพหลัก หรือ อาชีพเสริมก็ตาม ต่างมีความคิดที่ อยากจะ ขายสินค้าให้ได้ "มากๆ" ทุกคนต่างมองหาสินค้า ภายในพื้นฐานแนวคิดที่ "กว้างไว้ก่อน" หรือ ถูกใจหลายๆคน ตอบโจทย์หลายทาง แนวคิดนั้น ไม่ผิด เป็นแนวคิดพื้นฐานที่ "ใครๆก็คิด" และ คนที่คิด ก็มี "หลายคนซะด้วยซิ"

ดังนั้น ธุรกิจที่คุณเลือกจะกลายเป็น ทะเลแดง (Red Ocean) ที่เต็มไปด้วยปลาฉลาม จ่องกัดกิน และ ห่ำหั่นกัน จนทะเล นองไปด้วยเลือด ปลาเล็กที่เข้าไปในทะเลเลือด ส่วนใหญ่ไม่พร้อมเจ็บตัวทั้งนั้น นี้เป็นเหตุผลที่ งาน ออนไลน์ บางคนไม่สามารถ ทำเป็นอาชีพหลักได้ เพราะ "ถูกเขาแย่งลูกค้าไปหมดแล้ว" สุดท้ายอาจจะ ต้องยอมเสียเลือดเสียเนื้อ สู้ด้วยการโก่งราคา แต่หากใช้วิธีนั้น คุณจะเหนื่อยและเลือดหมดตัว จนเลิกทำธุรกิจไปในที่สุด

สิ่งที่ผมแนะนำ คือ คุณก่อนจะ ลงไปในทะเลเลือด จงเลือกเป็น "ปลาเล็ก ในบ่อใหญ่เสียก่อน" รอจนเติบโตเพียงพอจะเข้าสู่ท่องทะเล ธุรกิจที่เลือกนั้น ก็เหมือนกัน ลองค้นหาสิ่งที่คุณชอบ และ ตอบโจทย์คนส่วนน้อย ที่เป็น "ส่วนใหญ่" แล้วคุณจะครองตลาดนั้นได้อย่างง่ายดาย และ หากเป็นสิ่งที่คุณชอบหรือรักด้วยแล้ว การทำงาน ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นเท่าตัว

อย่างที่ข่งจื่อกล่าวว่า
เราทำงานที่เรารัก เราจะไม่มีงานไปตลอดชีวิต

ยกตัวอย่างง่ายๆ

เสื้อผ้า "สำหรับ" "คนอ้วน "

รองเท้าแตะ "สำหรับ" "นักวิ่ง" "ที่ไม่ชอบสวม รองเท้าผ้าใบ"

เสื้อผ้า "สำหรับ" "อาม่า"

อาหาร "สำหรับ" "นักปีนเขา"



นั้นคือการลงลึกเฉพาะจุด เพื่อตอบโจทย์คนวงแคบๆ

นี้เป็นการยกตัวอย่างที่ มีคนทำและประสบความสำเร็จมาแล้ว เพราะอะไรหละ ? คน บางส่วน ไม่ได้รับการตอบโจทย์เท่าที่ควร สำหรับตลาด หลัก ดังนั้น หาก ทำธุรกิจ "สำหรับ คนบางส่วน" ก็สามารถดึง ดูด คนส่วนน้อย ที่มี จำนวน "มาก" ในอินเตอร์เน็ต ได้ ครับ

ในครั้งต่อไปผมจะมาบอกวิธีการใช้ google keyword toole ในการหา คำค้นหาใน google เพื่อเช็คว่า ธุรกิจของเราที่จะทำนั้น มีการแข่งขันเท่าไร และ มีคนสนใจจะซื้อของเรามากแค่ไหนต่อเดือน :)

ก้าวแรกสู่ถนน เส้นทาง "งาน ออนไลน์"


สวัสดีครับเพื่อนๆ ปกติผมจะดองบล๊อก แต่แหม่ ผมว่า ดองมากไปผู้อ่านจะลืมกัน ผมเลยไม่ดองดีกว่าครับ



ก้าวแรกสู่งานออนไลน์ !!


ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยครับ เข้าประเดนของเราดีกว่า สิ่งที่ผม อยากจะนำเสนอ เพื่อนๆทุกคนที่สนใจ เริ่ม ทำธุรกิจ อิสระ บนอินเตอร์เน็ต แต่ ไม่รู้ว่า ควรเริ่มอย่างไรดี



ผมจะแยก งานออนไลน์ออกเป็น 3 ประเภท (อย่างที่เคยพูดไว้ใน บทนี้แล้ว งานออนไลน์ คืออะไร ? มันดีจริงหรือ ? แล้วทำไมถึงมีคนสนใจมากนัก ? ) โดยจะแบ่ง รายได้เป็นสองแบบหลักใหญ่คือ Active income กับ Passive income



รายได้ในรูปแบบ Active income

คือรายได้จากการทำงาน แบบปกติ เช่นการขายของ การรับจ้าง เป็นต้นซึ่ง หากหยุดทำงานแล้ว ก็จะไม่มีรายได้เข้ามา

 ประเภทที่ 1. งานที่ได้รายได้จากการ ขาย

ก็ตรงๆ เลยครับ ซื้อมา ขายไป ตั้งร้านขายของ ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางในการขายสินค้า หรือ ในภาษา ปะกิดเรียกกันว่า "E-Commerce" หรือ พานิชณ์อิเล็กทรอนิค ออนไลน์ ครับ ซึ่ง ผู้ที่สนใจทำงาน สายนี้ จำเป็นจะต้องมี คือ !!!

 1. สินค้า หรือ รูปสินค้า แน่นอนครับ หากไม่มีสินค้า แล้ว จะมึการขายได้ไง จริงมั้ยครับ แต่ ข้อดีของการขายของบนเน็ตคือ ในสินค้าบางชนิด เราอาจจะไม่ต้อง สต๊อกของไว้ มีแต่ รูปภาพ ก็ได้ครับ


 2. ร้านค้า หรือ เว็บไซต์ สำหรับขาย นี้สำคัญมากครับ เว็บไซต์ต้อง เหมาะสมกับสินค้าด้วยครับ 

3. ช่องทางการเซอวิท ส่งของ (เรื่องนี้สำคัญมากครับ ต้องคำนวนให้ดี ว่า ส่งระยะไหน เท่าไร ไม่ให้ขาดทุน )

 4. ของเอาใจลูกค้า  อาจจะเป็นโปรโมตชั่น ที่ อ้างอิงกับ เทศกาล ฤดูกาล หรือจะเป็น ของเเถมเล็กๆน้อยๆ ซึ่ง จะเป็นการเอาใจลูกค้า ยิ่งลูกค้าต่างชาติ ยิ่งชอบครับ (อาจจะไม่ได้ให้ทุกคน ครับ ดู ว่า ยอดที่เขาซื้อนั้น โอเคหรือไม่ ก็ได้ หรือ กลับมาซื้อบ่อยรึเปล่า ครับ)

การขายของผ่านเน็ต อยากจะบอกครับว่า แทบ จะขายได้ซากกระเบือยันเรือรบ (รถถังก็มีขายครับ) ตั้งแต่ ไม้จิ่มฟัน เสื้อผ้า ผมปลอม ฟันปลอม สัตว์เลี้ยง หรือ สร้างภาพ เอ้ย !! ขายภาพ ขายเพลง ขายนิยายหนังสือ เจอแยะมากมายครับ อาจจะกึ่งๆกับ แบบ Passive income ในบางสินค้า ซึ่งจะอธิบายในท้ายของบทความนี้




ประเภทที่สอง 2.รายได้ที่มาจาก การว่าจ้าง

รายได้ที่ มาจาก การได้ลูกค้า โดยผ่าน ช่องทางการติดต่อ บนอินเตอร์เน็ต ซึ่ง เสมือนกับ หน้าร้าน 24 ชม ไม่ว่าอยู่ ที่ไหน มุมไหนของโลก เวลาไหน ก็สามารถเข้ามาดูสินค้า สิ่งบริการได้ เสมอ
สิ่งที่่ต้องการเลยคือ

- เว็บไซต์ สำหรับโชว์ผลงาน

- รายระเอียดการว่าจ้าง

- ผลงานที่ทำมาแล้ว (อันนี้อาจจะเป็นคำโฆษณา ก่อนก็ได้นะครับ สำหรับผู้ประกอบการใหม่ที่ยังไม่มี พอร์ต หรือ ผลงานเก่า แล้วค่อยทำเสริม)


- หากมี คอมเม้น หรือ ข้อคิดเกี่ยวกับ การบริการของคุณที่ลูกค้า ชม ในเชิงบวก เข้าไปจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ 

ยกตัวอย่างเช่น รับจ้างเขียนเว็บไซต์ รับจ้างล้างรถ รับจ้างแปลบทความ รับจ้างเลี้ยงลูก รับจ้างทำความสะอาด รับจ้างวาดรูป ออกแบบภายใน รับจ้าง บลาๆๆ ได้อีกมากมายครับ หรือจะเป็นนางแบบ ดารา นักเขียนนิยาย ก็ได้นะครับ 





รายได้รูปแบบ Passive Income


หมายถึงรายได้ที่ เราสร้าง สินทรัพย์เป็นตัวทำงานให้เรา 24 ชม ถึงแม้ว่าเราจะหยุดทำงานไปแต่หากมี สินทร้พย์ ที่ก่อให้เกิดรายได้ซักจำนวนนึง ก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้

ประเภทที่ 3.รายได้ที่มาจากการปันผล

รายได้แบบนี้มาจากหลายทาง ส่วนใหญ่เป็นการลงทุน ระยะยาว ซึ่งเป็น รายได้หลักที่อยากนำเสนอ ในเว็บนี้ครับ


- รายได้จาก ค่า โฆษณา หากเรามีเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เราสามารถเก็บค่าโฆษณาเป็นรายเดือนได้ หรือ เราสามารถ ทำ โฆษณากับ Google Adsense Bumq หรือ ผู้ให้บริการโฆษณาต่างๆที่จะให้ค่า CPC (จ่ายเมื่อมีการคลิ๊ก) กับเรา ครับ ซึ่งจะแนะนำในบทต่อไป

- รายได้จากการ ปันผลสินค้า เช่นเรานำสินค้า Digital ( สินค้าที่สามารถส่งผ่าน อินเตอร์เน็ตได้ ) เราไปฝากขายกับ Marketplace หรือ เอเจนซี่ (นายหน้า) ขายสินค้า เขาจะทำการตลาด และขายสินค้าให้เรา โดยที่จะแบ่งเปอเซนด์ ปันผลต่อสินค้าที่ขายออกครับ เช่นการขาย ภาพถ่าย ภาพวาด ขายเพลง เกมส์ทำเอง หนังกำกับเอง หนังสือ อีบุ๊ค เว็บไซต์

- รายได้จากการ สมัครสมาชิก หากเรามีเว็บไซต์ หรือ การบริการ  อะไรก็ตาม  ที่มีคุณภาพ สามารถเก็บค่า สมาชิกพิเศษ เพื่อเพิ่ม สิทธิ  ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้ จะเป็นรายเดือน หรือ รายปีก็อยู่ที่รูปแบบธุรกิจครับ อย่างเช่น ติวเตอร์ สอนพิเศษออนไลน์ e-book รายเดือนเป็นต้น

- รายได้ที่ได้จากค่าธรรมเนียม (transaction)  รายได้จากค่าธรรมเนียมนี้คือ เมื่อเรามีบริการอะไรซักอย่าง และลูกค้ามาใช้บริการเรา เราจะหักค่า ธรรมเนียมการใช้งานของลูกค้าครับ เช่น ebay หักค่าธรรมเนียมการขาย 2% จากราคาสินค้าเป็นต้น หรือ Paypal หักธรรมเนียมการโอน


- รายได้จากการขายฟั่งชั่นการใช้งาน เว็บไซต์ เช่น เว็บไซต์นึงมีการขายบริการ อย่างนึง หากคุณต้องการ เพิ่มความสามารถ ความสะดวกสบาย ความสวยงาม หรือ สิ่งที่เจ๋งโพด !!! คุณต้องจ่ายเงินนะ เป็นต้น ครับ ยกตัวอย่าง เช่น Google drive ใช้งาน พื้นที่ฟรี เพิ่มพื้นที่เสียเงิน หรือเว็บ สำเร็จรูปที่ให้ใช้ฟรี แต่มัน ไม่ค่อยดี หากต้องการดี ต้องเสียค่าบริการเพิ่มครับ 

- รายได้จากการขายสินค้า Digital อย่างที่บอกครับ สินค้า Digital นั้น สามารถขายได้ 24 ชม และจัดส่งง่ายผ่านเน็ต ไม่จะว่าจะเป็นการจัดส่งด้วยระบบอัตโนมัติ หรือ แบบ จัดส่งโดยบุคคล เอง ก็สามารถ ทำได้ครับ จะยกตัวอย่างเช่น ขาย App เอง ขาย เว็บ ขาย ภาพ เพลง เอง โดยที่ ผู้ขายจะต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองครับ

- รายได้จากการโฆษณา(Affiliate Marketing) เราเป็นตัวแทนขายโฆษณา ให้ผู้ขายสินค้า ครับ เอาสินค้าของเขามาโปรโมต ขายให้ และ เราจะได้เปอเซนด์จากสินค้า ต่อตัว เมื่อขายได้ เช่น Amazon affiliate Ebay Partner Clickbank เป็นต้นที่ให้บริการในเรื่องนี้


- รายได้จากการ ลงทุนออนไลน์ เช่น ลงทุนกับ หุ้น ออนไลน์ Forex Trending Gold Future เป็นต้น ซึ่งการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดระมัดระวังก่อนตัดสินใจ (ไม่งั้นอาจะกลายเป็น "ตัด" "ใจ" "เสีย" ฮาๆ มันไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอกครับ หากมีพื้นฐานดีแล้ว รับรองไม่ขาดทุน)

ที่ผมยกตัวอย่างมานี้ คือรายได้ ผ่านช่องทาง บนโลกออนไลน์ ซึ่ง ยังสามารถ ประยุกต์ สุดแต่ไอเดียได้อีกร้อยแปดพันเก้า ครับ เพียงแค่ พยายามศึกษา รับรองจะเพิ่มรายได้ให้คุณอีกมากมายแน่นอนครับ


ระวัง โจรไฮเทค !!! ภัยจากมิจฉาชีพ พัฒนา ใช้โซเชียลมีเดีย แทนการดูลาดเลา แบบเก่า การอัพเดทสถานะต่างๆแบบไม่ระวังอาจจะก่อภัยให้ตัวเองได้ !!




ในโลก โซเชียล มีเดีย สมัยนี้ มีหลายๆคนที่ เป็นคนมีนิสัย "เปิดเผยตัวเอง" ไม่ว่าจะเปิดเผยน้อย เช่น "ถ่ายรูปก่อนกินข้าว" "อัพเดทว่าเที่ยวที่ไหน" "อัพเดทว่า ทำอะไรอยู่" หรือจะเป็นเปิดเผยมาก เช่น "เรื่องราวในครอบครัวเป็นอย่างไร" "เรื่องส่วนตัวเป็นเช่นไร" เป็นต้น ทั้งนี้ สิ่งที่คุณเปิดเผยอยู่นั้น อาจจะ เป็นหนึ่งในเครื่องมือของ พวก "มิจฉาชีพ" อยู่ก็เป็นได้


เว็บไซต์ Distinctivedoors.co.uk ได้ทำการสำรวจข้อมูล เกี่ยวกับพฤติกรรมของ มิจฉาชีพ ที่ใช้โซเชียลมีเดียในการ หาเหยื่อ พบว่า โดยโจรกว่า 75% ใช้การค้นหาข้อมูลกลุ่มเป้าหมายจาก Facebook,Twitter , และ Foursquare

นอกจากนี้ เครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยในการ ค้นหาเหยื่อ ยังเป็น google street view ซึ่่งช่วย ให้การค้นหา ที่อยู่ของเหยื่อนั้นเป็นไปได้อย่างสะดวก ไม่จำเป็นต้องมาดูลาดเลาแบบสมัยก่อน

ดังนั้นไม่ว่าที่เราจะโพสทรัพย์สิน สิ่งมีค่าอะไรผ่านทาง Social media เช่น รถยนต์ กระเป๋า เงิน โทรศัพย์ มือถือ หรือ อะไรก็ตาม ล้วนเป็นการเสี่ยงต่อการ ตกเป็นเป้าหมายของ พวกมิจฉาชีพเป็นอันมาก

ยิ่งหาก โจรทราบ การเคลื่อนไหวของเหยื่อเช่น

การ อัพสเตตัส ว่าจะทำอะไร จะไปที่ไหน เวลาไหนอยู่บ้าน เวลาไหนออกไปข้างนอก ยิ่งทำให้โจร สามารถ ระบุเวลากระทำการ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย


ดังนั้น ข้อควรระวัง คือ

1.ควรจำกัดขอบเขตการเปิดเผยตัวเองในโลก โซเชียลมีเดีย เพื่อความปลอดภัย อย่างเช่น ไม่ อัพสเตตัสบ่งบอกที่อยู่แน่ชัดว่า ทำอะไร อยู่ที่ไหน


2.การคัดกรองเพื่อน หรือผู้ที่สามารถดูข้อมูลเราได้ เพื่อให้ไว้วางใจได้มากขึ้น


3.การโพสขอมีค่าอะไรก็ตาม นั้นเป็นเรื่องเสี่ยง ทางเราคงไม่บอกว่า ทุกท่านจะโพสไม่ได้ แต่ควรให้เห็นโพสเฉพาะ บุคคลที่สนิท เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง


นอกจากนั้นคือ การติดตั้งระบบ รักษาความปลอดภัยไว้ในบ้าน อย่างไรก็ดีขอให้เพื่อนๆผู้อ่านทุกท่าน ระวังในการใช้งาน สังคมออนไลน์ ถึงแม้ว่า มันจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ยังมีผู้ไม่หวังดี ที่ใช้ประโยชน์ของความสะดวกสบาย ในการกระทำผิด
ขอให้ทุกคนใช้โซเชียลมีเดียอย่างระวังด้วยนะครับ :) 


credits : Distinctivedoors.co.uk
ข้อมูล จาก 
http://thumbsup.in.th
วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Posted by Unknown
คลิ๊กเป็นกำลังใจและแทนคำขอบคุณ
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

- Copyright © See a Mountain -Metrominimalist- Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -